พิธีชงชาแบบญี่ปุ่น

จริงแล้วพิธีชงชาญี่ปุ่นเริ่มขึ้นในราว ค.ศ.1191 โดยพระชื่อ Eisai ขณะที่ท่านได้ไปศึกษาพุทธศาสนานิกายเซนที่จีน ท่านสังเกตุเห็นว่าการดื่มชาเขียวเป็นวิธีที่ปฏิบัติระหว่าางการปฏิบัติธรรม และท่านก็เห็นถึงคุณประโยชน์ของชาเขียว จึงได้นำกลับมาจากจีน และเมื่อกลับสู่ญี่ปุ่น ก็ได้นำเมล็ดชากลับมาปลูกที่คิวชูในปี ค.ศ.1191 และแล้วพิธีดื่มชาก็ได้เกิดขึ้น
พิธีชงชาแบบญี่ปุ่นวิวัฒนาการมากว่าศตวรรษ โดยครูชาหลาย ๆ ท่าน ท่านเซน โนะ ริวคิว (1521-1591) เป็นครูชาที่มีอิทธิพลที่สุดโดยในศตวรรษที่ 15 และท่านได้กำหนดแบบแผนพิธ๊ชงชาแบบญี่ปุ่นขึ้น โดยเป็นพิธีการทียึดเอาอิทธิพลของพุทธศาสนานิกายเซน และยังคงเสืบทอดกันมากว่าร้อยปี โดยการถ่ายทอดจากครูสู่ศิษย์

พิธีชงชาหรือ " ชาโนยุ " (茶の湯) ไม่ใช่เพียงการชงชาเพื่อดื่มเพื่อความเพลิดเพลิน แต่หมายถึงพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ เพื่อการชำระจิตให้บริสุทธิ์โดยการผสานเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติตามอิทธิพลของพุทธศาสนานิกายเซน หัวใจแท้จริงของพิธีชงชาก็คือ "ความพอใจในความสันโดษอย่างเคร่งครัดและความสมถะ" ขณะที่ชงชาจะมีการเคลื่อนไหวที่เต็มไปด้วยสมาธิอ่อนช้อย ดังนั้นเพื่อความเป็นสุนทรีย์วิถีแห่งชา บรรยากาศในการชงชาจึงถูกจัดด้วยความงามของศิลปะแห่งธรรมชาติทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็นเครื่องใช้ในการชงชา เครื่องตกแต่งบริเวณพิธี เช่น ภาพแขวนหรือการจัดดอกไม้ สถาปัตยกรรมญี่ปุ่น การจัดสวน เครื่องปั้นดินเผาเซรามิค
ซาโนยุจึงถือเป็นธรรมเนียมที่เคร่งครัด มีพิธีรีตอง ตั้งแต่ท่าทางการนั่ง การจับเครื่องมือ การตักน้ำ ไปจนถึงการดื่ม จึงมีสถาบันที่สอนพิธีชงชาโดยเฉพาะ บางแห่งเีรียนกันเป็นปี
ขั้นตอนคร่าว ๆ ในพิธีชงชานั้นจะเริ่มจากการเชิญแขกเข้าสู่ห้องชงชา ซึ่งจะจัดแบบเรียบง่าย ขนาดไม่ใหญ่มากนัก มีของตกแต่งอย่างแจกันดอกไม้แบบญี่ปุ่น หรือภาพห้อยประดับผนัง พื้นห้องจะปูด้วยเสื่อทาทามิ ซึ่งจะมีส่วนที่ทำเป็นช่องเล็กๆ สำหรับวางเตาและหม้อต้มน้ำร้อนสำหรับชงชา
จากนั้นผู้ดำเนินการชงชาที่แต่งชุดกิโมโนสวยงามจะนั่งอย่างสงบนิ่ง เริ่มเช็ดถ้วยชาอย่างช้า ๆ ใช้ช้อนตักผงชาเขียวใส่ถ้วย ตามด้วยการตักน้ำร้อนจากหม้อ ใช้ที่คนชาคนเบาๆ และตีแรงขึ้นจนคล้ายการตีไข่ให้ชาขึ้นฟอง เมื่อได้ที่ก็จะยกถ้วยชาขึ้นหมุนประมาณ 3 ครั้งแล้ววางไว้ด้านหน้าผู้ดื่ม ผู้ดื่มจะโค้งเล็กน้อย พร้อมยื่นมือขวาจับถ้วยชาขึ้นวางบนฝ่ามือซ้าย หมุนถ้วยชาตามเข็มนาฬิกา แล้วยกขึ้นดื่มภายใน 3 ครั้งจนหมด ว่ากันว่าครั้งสุดท้ายนั้นต้องดื่มให้มีเสียงดังๆ เป็นการแสดงถึงมารยาทและความชื่นชอบในรสชาติของชา ดื่มเสร็จหมุนถ้วยชากลับมาอีกครั้ง แล้ววางลง การหมุนถ้วยชากลับอีกครั้งแล้ววางลง เป็นการโชว์ศิลปะความงามของถ้วยชา โดยทางผู้ชงชาจะหมุนถ้วยนั้น และเมื่อผู้ดื่มจะยกชาขึ้นดื่มก็จะต้องหมุนถ้วยกลับให้ลวดลายออกด้านนอก พร้อม ๆ กับพิจารณาถึงความสวยงามของถ้วยชา เมื่อดื่มเสร็จก่อนจะวางลงก็จะหมุนให้ลวดลายกลับไปเช่นเดิม ซึ่งอาจมีการพูดคุยกันถึงความงามของถ้วยชา ไปจนถึงการจัดแต่งห้องและบรรยากาศต่าง ๆ ถือเป็นมารยาททที่ดีงามในการดื่มชา และหากเป็นพิธีตามแบบโบราณที่ค่อนข้างเคร่งครัดและเป็นทางการแล้ว ทุกท่วงท่าตั้งแต่เริ่มต้นจนจบจะต้องสง่างาม นิ่งสงบ เพราะถือเป็นพิธีการอันศักดิ์สิทธิ์ในลัทธิเซน

มีธรรมเนียมอีกอย่างก่อนดื่มชาเขียวคือ การทานขนมหวานตามฤดูกาล โดยเสิร์ฟมาในจานใบเล็กที่รองด้วยกระดาษ พร้อมไม้จิ้มขนมที่เหลาจากไม้อย่างสวยงาม ว่ากันว่าเมื่อทานขนมรสชาติหวานเข้าไป แล้วดื่มตามด้วยชาเขียวรสเข้มข้น จะทำให้ได้รสชาติที่กลมกล่อมเข้ากันเป็นอย่างดี

ชาที่นิยมดื่มและใช้ในพิธีชงชานั้นคือชาเขียว การทำไร่ชาของชาวญี่ปุ่นจะนิยมทำกันตามเชิงเขาที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา และในแต่ละพื้นที่ก็จะให้รสชาติชาที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและคุณภาพของดิน ซึ่งส่วนที่นำมาทำชาคุณภาพดีนั้นจะเป็นส่วนของยอดอ่อนที่อยู่บนสุด และเครื่องมือการเก็บชาที่ดีที่สุดคือมือมนุษย์เรา หลังจากนั้นก็นำชามาแปรรูป ซึ่งจะมีหลายแบบ ทั้งการตากแห้ง การหมัก การอบด้วยไอน้ำเดืือด การนำมาคั่วไปจนถึงการนำมารีดใบให้แห้ง ทำให้ยุ่ย บิดงอ เพื่อให้เกิดกลิ่นหอมของชาออกมา


ชาเขียวที่ใช้ในพิธีการชงชานั้นจะต้องผ่านการบดให้เป็นผงละเอียดเรียกว่า " มัทฉะ " (抹茶) นอกจากวัตถุดิบสำคัญนี้แล้ว ก็ยังมีอุปกรณ์อย่าง ถ้วยชา ที่เกือบทุกบ้านจะเลือกใช้ถ้วยที่สวยงาม โชว์ศิลปะหรือความพิเศษเฉพาะตัว บางถ้วยมีคุณค่าเป็นมรดกตกทอดประจำตระกูล นอกจากนั้นก็จะมีกระปุกสำหรับใส่ผงชาเขียว ช้อนตักชาที่เป็นช้อนไม้ใผ่ขนาดเล็กๆ ปลายงอเล็กน้อย ไม้ชงชาจะมีลักษณะคล้ายๆ ที่ตีไข่แต่ขนาดเล็กกว่า โดยส่วนที่ใช้คนจะนำไม้ใผ่ซี่บางๆ มาดัดให้โค้งงอ มีความละเอียด 2 แบบ คือ 80 ซี่และ 120 ซี่ และก็จะมีหม้อต้มน้ำร้อน กระบวยตักน้ำ ผ้าเช็ดอุปกรณ์เป็นหลัก ซึ่งยิ่งเป็นพิธีการชั้นสูงก็จะยิ่งมีอุปกรณ์ต่าง ๆ มากขึ้นไปอีก
พิธีชงชาญี่ปุ่นดูมีพิธีรีตอง ละเมียดละไม ลึกซึ้ง จขบ. คงเข้าไม่ถึงแน่ ๆ ค่ะ อ่านไว้เป็นความรู้เท่านั้นเองค่ะ

พิธีชงชาญี่ปุ่นจะเรียกว่า ซะโด หรือ ชะโด หรือ ชาโนะยุ
การดื่มชาเป็นส่วนหนึ่งในวิถีชีวิตของคนญี่ปุ่นตั้งแต่ตื่นนอนจนกระทั่งเข้านอน การดื่มชาไม่ได้เป็นวัฒนธรรมดั้งเดิมของญี่ปุ่นญี่ปุ่นรับเข้ามาจากจีน แล้วดัดแปลงให้เข้ากับรสนิยมของตน จนกลายเป็นซึ่งโดดเด่นเป็นที่สนใจของคนทั่วโลก
พิธีการชงชานั้นจะต้องบดชาให้เป็นผงละเอียดเรียกว่า " มัทฉะ "
นอกจากวัตถุดิบสำคัญนี้แล้ว ก็ยังมีอุปกรณ์อย่างอื่นอีก คือ ถ้วยชา ที่เกือบทุกบ้านจะเลือกใช้ถ้วยที่สวยงาม โชว์ศิลปะหรือความพิเศษเฉพาะตัว บางถ้วยมีคุณค่าเป็นมรดกตกทอดประจำตระกูลกันเลยทีเดียว นอกจากนั้นก็จะมีกระปุกสำหรับใส่ผงชาเขียว ช้อนตักชาที่เป็นช้อนไม้ใผ่ขนาดเล็กๆ ปลายงอเล็กน้อย ไม้ชงชาจะมีลักษณะคล้ายๆ ที่ตีไข่แต่ขนาดเล็กกว่า โดยส่วนที่ใช้คนจะนำไม้ใผ่ซี่บางๆ มาดัดให้โค้งงอ ถ้ายิ่งเป็นพิธีการชั้นสูงก็จะยิ่งมีอุปกรณ์ต่างๆ เยอะขึ้นอีก

รูปแบบการจัดพิธีชงชา มักจัดในห้องพิธีชาลำดับการชงชา คือ ผู้ชงจะใส่มัทฉะ (matcha : ชาสีเขียวป่น) ลงในถ้วยชาและตักน้ำร้อนหม้อต้มมาใส่ คนด้วยฉะเซน (chasen : ไม้คนชา) จนแตกฟอง เมื่อได้ที่ก็จะยกถ้วยชาขึ้นหมุนประมาณ 3 ครั้งแล้ววางไว้ด้านหน้าผู้ดื่ม
วิธีดื่ม คือ ยกถ้วยชาขึ้นมา ด้วยมือขวาและวางลงบนฝ่ามือข้างซ้าย หมุนถ้วยชาเข้าหาตัวหลังจากดื่มเสร็จแล้วใช้ปลายนิ้วเช็ดขอบถ้วยชา และใช้ไคชิ (kaishi : กระดาษรองขนม) เช็ดนิ้ว แต่องค์ประกอบที่สำคัญของพิธีชงชาไม่ใช้แค่การชงและการดื่มชา สิ่งสำคัญอยู่ที่การชื่นชมคุณค่าและความงามของสิ่งต่างๆ เช่น ถ้วยชา เครื่องใช้ในพิธีชงชา ชื่นชมความงามของบรรยากาศรอบๆตัวและการสื่อ ประสานใจระหว่างเจ้าบ้านและแขกผู้มาเยือน
http://www.j-doramanga.com
เว็บมาสเตอร์ บ้านฮามาโมโต้.com
ขอบคุณภาพจากเวปด้วยค่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น